"ไผ่กิมซุง" ปลูกง่าย โตเร็ว ดูแลไม่ยุ่งยาก

แต่พืชที่ทำรายได้ให้กับคุณเสาร์แก้วมากที่สุดคือ ไผ่กิมซุง โดยจะตัดยอดให้สูงไม่เกิน 2.5 เมตร จะเริ่มเก็บผลผลิต ประมาณเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมิถุนายน จะหยุดในเดือนกรกฎาคม เพราะในช่วงนี้หน่อไม้ธรรมชาติจะเริ่มออกสู่ตลาด ราคาจะถูก ที่เริ่มให้ผลผลิตออกเดือนธันวาคมเป็นต้นไปนอกจากเรื่องนอกฤดูแล้ว ก็ดูผู้บริโภคด้วย คือในช่วงนั้นจะมีเทศกาลปีใหม่ไทย ปีใหม่จีน และปีใหม่เมืองลูกหลานหรือผู้ที่ไปทำงานต่างถิ่นจะกลับมาเยี่ยมบ้าน อาหารทางภาคเหนือที่นิยมทำกินกัน ไม่ว่าจะเป็นแกงหน่อไม้ ยำหน่อไม้ หน่อต้มแกล้มน้ำพริกต่างๆ ทั้งน้ำพริกปู น้ำพริกอีเก๋ แม้แต่น้ำพริกกะปิ ก็ล้วนแกล้มได้ด้วยหน่อไม้ ถือว่าคุณเสาร์แก้วเป็นนักการตลาดชั้นยอดที่มองลู่ทางการตลาดได้อย่างทะลุ ปรุโปร่ง พืชที่ปลูกอย่างอื่นก็เป็นเครื่องแกง เครื่องเคียงสำหรับหน่อไม้ทั้งสิ้น
ในเดือนกันยายนก็ตัดต้นเก่าทิ้งพร้อมกับตัดยอด สูงไม่เกิน 2.5 เมตร กอหนึ่งจะไว้ต้นประมาณ 4 ต้น
พักต้นไว้ประมาณ 1 เดือน จนถึงเดือนธันวาคม จึงเริ่มเก็บหน่อขาย ที่สวนนี้ไม่ได้ขายหน่อจากพื้นดินอย่างเดียว แต่ขายหน่ออากาศด้วย ขายเป็นหน่อทุบขาย ในราคากิโลกรัมละ 40 บาท ราคาเดียวกับหน่อที่ออกทางพื้นดิน
เทคนิคการทำให้หน่อขาว คุณเสาร์แก้วจะใช้แกลบดำใส่ถุงดำครอบไว้ เมื่อได้เวลาตัดหน่อจะขาวน่ากินเหมือนหน่อใต้ดิน หรือหน่อขุดเลยทีเดียว ในช่วงที่หน่อให้ผลผลิตนั้นจะตัดได้เฉลี่ยวันละประมาณ 100 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 40 บาท เดือนหนึ่งก็คิดตัวเลขเอาเองแล้วกัน 6 หลักแน่นอน อันนี้เฉพาะค่าหน่อไม้ พืชอื่นที่ปลูกอีกไม่ว่าจะตะไคร้ที่สวนนี้เป็นแห่งแรกและสวนเดียวของอำเภอ ดอกคำใต้ที่ปลูกในปริมาณที่มากถึง 2 ไร่ ก็ทยอยขายเรื่อยๆ หลังตัดต้นตะไคร้เสร็จก็จะปลูกฟักทองตาม ขายยอด ขายลูกได้อีก
ในการปลูกไผ่กิมซุง สิ่งสำคัญคือ น้ำ และที่สวนของคุณเสาร์แก้ว ต้องสูบน้ำเพื่อให้กับต้นไผ่ด้วยระบบสปริงเกลอร์ ก็ได้อาศัยฝีมือช่างที่ได้มีโอกาสไปทำงานต่างประเทศมาเข้าช่วยช่วงที่น้ำมัน แพง คุณเสาร์แก้วได้ไปอบรมในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง มีวิชาการทำน้ำมันไบโอดีเซล ซึ่งคุณเสาร์แก้วสนใจเรียนรู้แล้วนำกลับมาทำที่สวน ทำให้ลดต้นทุนการผลิตในเรื่องค่าน้ำมันลง วันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 100 บาท
คราวนี้ลองมาฟังข้อมูลทางวิชาการของไผ่กิมซุง ไผ่เงินล้าน จาก ท่านนิวัติ ชาติดี เกษตรอำเภอดอกคำใต้กัน ไผ่กิมซุง ถือเป็นพืชทางเลือกใหม่ สร้างรายได้ “จริง”
ไผ่กิมซุง ชื่อที่ยังไม่คุ้นหูแต่กลับสร้างรายได้อย่างมหาศาล บนผืนเศรษฐกิจทางการเกษตรไทย นับเป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ไผ่กิมซุงเป็นพืชที่โตไว ให้ผลผลิตภายในอายุแค่ 7 เดือน หลังปลูก หน่อไม่มีขน ไม่มีหนาม ประหยัดแรงงานในการขัดขน ให้หน่อดก น้ำหนักเฉลี่ย 1.7-3.0 กิโลกรัม ต่อหน่อ มีเปลือกบาง เนื้อหนา น้ำหนักดี รสหวาน กรอบ กินอร่อย ไม่มีเสี้ยน และให้หน่อได้ตลอดทั้งปี
ไผ่กิมซุง สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในเชิงอุตสาหกรรมได้หลายอย่าง เนื่องจากลำไผ่มีเนื้อหนา รูในกระบอกเล็ก ให้เนื้อไม้ปริมาณมาก น้ำหนักดี เนื้อหน่อแน่น เหมาะในการใช้ทำเยื่อกระดาษ สามารถนำไปเผาทำเป็นถ่าน ใช้ประโยชน์ด้านการดูดกลิ่น หรือนำไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้หลากหลายชนิด ใช้ในอุตสาหกรรมทำตะเกียบ ให้ผลผลิตที่รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่น แม้ว่าเป็นสายพันธุ์จากต่างประเทศ แต่ก็เหมาะกับสภาพภูมิอากาศของเมืองไทย
ไผ่กิมซุง นั้นเป็นพืชที่ปลูกง่าย โตเร็ว วิธีการดูแลก็ไม่ยุ่งยาก อีกทั้งพื้นที่เดิมของเราหากเป็นร่องสวนมีน้ำหล่อเลี้ยงตลอดทั้งปี เมื่อได้กิ่งพันธุ์มาแล้ว ก็นำมาปลูกในร่องสวน โดยปลูกห่างกันประมาณ 4-6 เมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักรองก้นหลุม ซึ่งการปลูกนั้นก็มีเทคนิค โดยจะต้องทำมุมของกิ่งพันธุ์ ประมาณ 45 องศา กับพื้นดิน เพราะว่าเมื่อกิ่งพันธุ์โตขึ้นจะได้ตั้งตรงไม่คดงอ จากนั้นจึงค่อยกลบดินให้แน่นเสมอกับหน้าดินเดิม แล้วใช้ไม้ปักยึดกับลำต้นของกิ่งพันธุ์เพื่อป้องกันต้นล้มเพราะกระแสลม
ช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มปลูกคือ ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนมิถุนายน เพราะเป็นช่วงฤดูฝน พอลงกิ่งพันธุ์ปลูกได้ราว 6 เดือน กอไผ่จะเริ่มโต เราต้องแต่งกอโดยตัดลำต้นในกอให้เหลือลำตรงๆ เพียง 4-5 ลำต้น ลำต้นไหนที่ชิดกัน เราต้องตัดออก เพื่อเว้นที่ว่างให้กอแทงหน่อได้สะดวก ช่วงนี้เราต้องใส่ปุ๋ยคอกที่กอไผ่บ้าง จากนั้นราว 1 เดือน ไผ่ก็จะเริ่มแตกหน่อ โดยกอหนึ่งจะมีหน่อไม้ประมาณ 15-20 หน่อ น้ำหนักรวมประมาณ 30-50 กิโลกรัม ซึ่งช่วงที่ออกนี้จะตรงกับเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงนี้ราคาจะดีมาก เพราะผลิตนอกฤดู ราคาตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 35-45 บาท โดยตลาดใหญ่คือ ตลาดไท และโรงงานทำหน่อไม้กระป๋อง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น